• หน้าแรก
  • บ้านพักแบบไหนเหมาะกับการลงทุนปล่อยเช่า สร้าง Passive Income ได้จริง

บ้านพักแบบไหนเหมาะกับการลงทุนปล่อยเช่า สร้าง Passive Income ได้จริง

ในยุคที่หลายคนเริ่มมองหา “รายได้เสริม” ที่ไม่ต้องทำงานหนักทุกวัน การลงทุนในอสังหาฯ โดยเฉพาะ บ้านพักปล่อยเช่า จึงกลายเป็นทางเลือกยอดฮิตที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักรายวันตามแหล่งท่องเที่ยว หรือบ้านเช่าระยะยาวในทำเลน่าอยู่ ต่างก็ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้เจ้าของได้แบบต่อเนื่อง แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ…“แล้วจะเลือกบ้านแบบไหน ถึงจะคุ้ม ปล่อยเช่าได้จริง และสร้างรายได้อย่างที่หวัง?” เพราะไม่ใช่บ้านทุกหลังจะเหมาะกับการลงทุน และไม่ใช่ทุกทำเลจะปล่อยเช่าได้ง่าย บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจคำตอบ พร้อมแนะแนวว่า “บ้านแบบไหน” ที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและเจ้าของ ช่วยสร้างรายได้แบบไม่ต้องลุ้นทุกเดือน

เข้าใจก่อนว่า Passive Income จากบ้านพักคืออะไร

ก่อนจะลงทุนซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่า สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเลยคือ “Passive Income” จริง ๆ แล้วคืออะไร? เพราะหลายคนได้ยินคำนี้บ่อย แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะเวิร์กกับอสังหาฯ หรือบ้านพักยังไง เรามาไขข้อสงสัยกันแบบง่าย ๆ เลยค่ะ

  1. รายได้ที่ไหลเข้ามา โดยไม่ต้องลงแรงทุกวัน

Passive Income ก็คือ รายได้ที่ยังเข้ามาเรื่อย ๆ แม้เราไม่ได้ลงแรงทำทุกวัน เช่น ปล่อยบ้านเช่าไว้ แล้วรับค่าเช่าทุกเดือน โดยไม่ต้องไปเปิดบ้าน ทำความสะอาด หรือดูแลแขกเองทุกครั้ง แบบนี้แหละที่เรียกว่ารายได้แบบ “ปล่อยแล้วรอรับ”

  1. มีหลายรูปแบบให้เลือก

รายได้จากบ้านพักสามารถมาหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น…

  • ปล่อยเช่ารายวัน เหมาะกับบ้านพักตากอากาศหรือพูลวิลล่าในแหล่งท่องเที่ยว
  • ปล่อยเช่ารายเดือน ลูกค้าอาจเป็นคนทำงาน คนย้ายเมือง หรือชาวต่างชาติ
  • ปล่อยเช่าระยะยาวรายปี เหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการที่พักถาวร

เลือกให้เหมาะกับทำเลและกลุ่มเป้าหมาย ก็ช่วยให้มีรายได้ต่อเนื่องได้จริง

  1. ต้องมีการบริหารจัดการ ถึงจะ “ไม่เหนื่อย”

ถึงจะเรียกว่า Passive Income แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องทำอะไรเลยนะคะ ถ้าเจ้าของบ้าน บริหารจัดการดี เช่น

  • มีทีมดูแลความสะอาด
  • จัดการจองผ่านระบบออนไลน์
  • วางแผนเรื่องราคาชัดเจน

แบบนี้ก็จะช่วยให้บ้านของคุณเป็น “เครื่องผลิตรายได้” ที่ทำเงินได้เรื่อย ๆ แบบไม่ต้องเหนื่อยกับทุกเรื่องเอง

ทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

สำหรับการลงทุนบ้านพักเพื่อปล่อยเช่า “ทำเล” ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญสุด ๆ เพราะต่อให้บ้านสวยแค่ไหน ถ้าอยู่ไกล ไม่สะดวก คนก็ไม่อยากมาพักค่ะ ลองมาดูกันว่า ทำเลแบบไหนที่เรียกได้ว่า “ทำเงิน” ได้จริง

  1. อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และเดินทางสะดวก

บ้านที่อยู่ใกล้ทะเล คาเฟ่ดัง หรือสถานที่เที่ยวฮิต ๆ อย่างสวนสนุก ตลาดกลางคืน หรือจุดถ่ายรูปสวย ๆ มักจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ยิ่งเดินทางง่าย ใกล้ถนนหลัก หรือมีรถสาธารณะถึง ยิ่งมีคนจองบ่อย

  1. เลือกเมืองที่มีความต้องการเช่าทั้งปี

เช่น หัวหิน พัทยา เขาใหญ่ หรือเชียงใหม่ เป็นเมืองที่คนเที่ยวทั้งปี ไม่ใช่แค่ฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง แบบนี้จะช่วยให้คุณมีรายได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องกลัวช่วงโลว์ซีซั่นเงียบเหงา

  1. อย่ามองแค่ “ราคาถูก” แต่ต้องดูว่า “ปล่อยเช่าง่าย”

บ้านราคาถูกในทำเลไกล อาจดูน่าซื้อตอนแรก แต่พอปล่อยเช่ากลับเหนื่อยหาลูกค้า บ้านที่อยู่ในทำเลดีแม้จะแพงกว่า แต่หาคนเช่าได้ง่ายกว่า สุดท้ายก็คุ้มกว่าเยอะเลยค่ะ!

บ้านแบบไหนที่ลูกค้านิยม

หากอยากลงทุนบ้านพักให้ปล่อยเช่าได้ง่าย และมีรายได้แบบ Passive Income แบบไม่ต้องเหนื่อยตามหาลูกค้าทุกเดือน หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญก็คือ “เลือกบ้านให้ตรงใจลูกค้า” ค่ะ ลองมาดูกันว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวนิยมบ้านแบบไหนบ้าง:

  1. บ้านพูลวิลล่า

สายเที่ยวแบบแก๊งเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่ มักมองหาบ้านที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว จะได้ทำกิจกรรม ปิ้งย่าง เล่นน้ำ ปาร์ตี้ ได้แบบเป็นส่วนตัว พูลวิลล่าเลยยังเป็นตัวท็อป ที่คนแย่งจองตลอด!

  1. บ้านพักตากอากาศขนาดกลาง

สำหรับคู่รัก หรือครอบครัวเล็ก ๆ บ้านที่ไม่ใหญ่มาก แต่ดูอบอุ่น อยู่ใกล้ธรรมชาติ หรือริมทะเล ก็ตอบโจทย์ได้ดี ราคาไม่แรง แต่ยังได้บรรยากาศดี ๆ เหมาะกับการพักผ่อน

  1. บ้านพร้อมอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ

บ้านที่มี ครัวเล็ก ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบ อินเทอร์เน็ตแรง เตาปิ้งย่างพร้อม จะถูกใจทั้งคนไทยและต่างชาติ เพราะช่วยให้เขา “อยู่ได้แบบสะดวก” เหมือนอยู่บ้านจริง ๆ

  1. ดีไซน์สวย ถ่ายรูปขึ้น

ยุคนี้รูปสวยคือทุกอย่างค่ะ! บ้านที่มีมุมถ่ายรูปดี ๆ สีสันอบอุ่น หรือดีไซน์เก๋ ๆ สไตล์มินิมอล
จะช่วยเพิ่มยอดจองได้แบบไม่รู้ตัว เพราะใคร ๆ ก็อยากแชร์รูปลงโซเชียล

ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยเพิ่มมูลค่า

บ้านพักสำหรับปล่อยเช่า ถ้าจะให้ลูกค้าเลือกเราแทนที่จะไปบ้านหลังอื่น ไม่ใช่แค่ต้องอยู่ในทำเลดี หรือสวยงามอย่างเดียว แต่ “สิ่งอำนวยความสะดวก” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดตัดสินใจสำคัญที่ลูกค้าคาดหวังค่ะ ยิ่งครบ ยิ่งคุ้ม ยิ่งน่าเช่า! มาดูกันว่าอะไรที่ควรมีไว้ในบ้านพักเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่า และทำให้ลูกค้าอยากกดจองทันที

  1. สระว่ายน้ำส่วนตัว

บ้านที่มีสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มักได้รับความสนใจเสมอ เพราะเป็นจุดขายหลักที่หลายคนมองหา โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวที่อยากมาสังสรรค์ พักผ่อน หรือถ่ายรูปสวย ๆ ลงโซเชียล

  1. ห้องครัวและเตาปิ้งย่าง

หลายคนมาเที่ยวพร้อมกับแผนทำอาหารหรือจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ถ้ามี ห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ และ เตาปิ้งย่าง ก็จะช่วยให้บ้านของคุณดูน่าอยู่ขึ้นหลายเท่า ลูกค้ารู้สึกว่า “ได้มากกว่าแค่นอนพัก”

  1. Wi-Fi แรงดีไม่มีสะดุด

อินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ ไม่ว่าจะทำงาน ดูหนัง หรือเล่นโซเชียล ถ้าบ้านของคุณมี Wi-Fi ที่เสถียร ลูกค้าจะประทับใจ และมีแนวโน้มจะรีวิวดี ชวนเพื่อนกลับมาใช้บริการซ้ำ

  1. ที่จอดรถสะดวก ปลอดภัย

บ้านที่มีที่จอดรถในรั้วบ้าน หรือมีที่จอดที่ปลอดภัย ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง เพราะลูกค้าหลายคนขับรถมาเอง ยิ่งมาเป็นกลุ่ม ก็ต้องมีรถหลายคัน ที่จอดรถที่เพียงพอจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

  1. Smart TV และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ

ไม่ว่าจะดู Netflix หรือเปิด YouTube ให้เด็กดูการ์ตูนระหว่างผู้ใหญ่ปิ้งย่าง Smart TV คือไอเทมที่ลูกค้าหลายคนแอบสังเกตก่อนกดจอง ยิ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น ก็ยิ่งรู้สึกว่า “พร้อมอยู่” มากขึ้น

วางแผนราคาค่าเช่าให้เหมาะสม

การตั้งราคาค่าเช่าบ้านพัก ไม่ใช่แค่เรื่องของการสุ่มตัวเลขแล้วโพสต์ลงเว็บจอง แต่เป็นสิ่งที่ต้องวางแผนให้ดี เพราะราคาคือ “ตัวชี้เป็นชี้ตาย” ว่าบ้านของเราจะปล่อยเช่าได้เร็วไหม หรือจะถูกเลื่อนผ่านไปเฉย ๆ ลองดูเคล็ด (ไม่) ลับในการวางแผนราคาค่าเช่าให้ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและรายได้ของคุณกันค่ะ:

  1. ดูราคาคู่แข่งในละแวกเดียวกัน

ก่อนจะตั้งราคา ควรสำรวจบ้านพักอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เช่น ขนาดบ้านใกล้เคียงกัน มีหรือไม่มีสระว่ายน้ำ อยู่ใกล้ทะเลหรือแหล่งท่องเที่ยวไหม ดูว่าคู่แข่งตั้งราคากันเท่าไหร่ แล้วนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับบ้านของเรา เพื่อไม่ให้ตั้งแพงเกินหรือถูกเกินจนขาดทุน

  1. ตั้งราคาให้ “คุ้มค่า” ไม่ใช่ “ถูกที่สุด”

ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้มองหาบ้านที่ถูกที่สุด แต่มองหาบ้านที่ให้ความรู้สึกว่า “ได้มากกว่าที่จ่าย”
ลองเน้นจุดแข็งของบ้าน เช่น สระส่วนตัว ครัวครบ เตาปิ้งย่าง Wi-Fi แรง หรือดีไซน์บ้านสวยถ่ายรูปได้ ก็จะช่วยให้ลูกค้ายอมจ่ายมากขึ้น ตั้งราคาที่สะท้อนคุณภาพ ไม่ต้องแข่งกันลด แต่แข่งกันให้คุ้ม

  1. ใช้ระบบ Dynamic Pricing ช่วยบริหารรายได้

อย่าตั้งราคาแบบตายตัวตลอดปี เพราะช่วงไฮซีซั่นกับโลว์ซีซั่น ความต้องการเช่าบ้านพักต่างกันมาก
ระบบ Dynamic Pricing อย่าง Airbnb Smart Pricing หรือโปรแกรมจัดการบ้านเช่าต่าง ๆ จะช่วยให้คุณปรับราคาอัตโนมัติตามความต้องการ เช่น วันหยุดยาว เทศกาล หรือช่วงที่มีอีเวนต์ในหัวหิน
วิธีนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงคนเที่ยวเยอะ และยังคงมีลูกค้าในช่วงโลว์ซีซั่น

 ดูแลบ้านให้เหมือนดูแลธุรกิจ

การลงทุนปล่อยเช่าบ้านพัก ถ้าอยากให้ได้รายได้แบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่ปล่อยเช่าแล้วจบ แต่ต้อง “ใส่ใจดูแลบ้าน” เหมือนดูแลร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือธุรกิจจริงจังสักอย่างเลยค่ะ เพราะลูกค้ามาพักแล้วจะรู้สึกได้ทันทีว่าเจ้าของใส่ใจแค่ไหน ลองดูเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้บ้านของคุณกลายเป็น “บ้านที่คนอยากกลับมาพักซ้ำ” ได้เลย

  1. บ้านที่ดูใหม่ สะอาด คือบ้านที่ลูกค้าประทับใจ

อย่าลืมว่าลูกค้ามักเปรียบเทียบบ้านพักจากภาพถ่ายและรีวิว ความสะอาด ความเรียบร้อย และการดูแลสภาพบ้านให้ดูใหม่อยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้บ้านจะไม่ได้หรูหรา แต่ถ้าดูสะอาด ปรับปรุงสม่ำเสมอ ก็ชนะใจลูกค้าได้สบาย ๆ

  1. รับฟังรีวิวลูกค้า แล้วนำไปปรับปรุง

เวลาลูกค้าให้ฟีดแบ็ก ไม่ว่าจะดีหรือแนะนำเพิ่มเติม อย่าปล่อยผ่านค่ะ ลองเปิดใจฟัง แล้วปรับปรุงตามเท่าที่ทำได้ ลูกค้ามักประทับใจเจ้าของบ้านที่ใส่ใจและพัฒนาเสมอ แถมยังกลายเป็นรีวิวดี ๆ ช่วยให้ลูกค้ารายใหม่มั่นใจมากขึ้นด้วย

  1. มีระบบจัดการที่ดี เหมือนมืออาชีพ

บ้านพักปล่อยเช่าไม่ควรจัดการแบบสะเปะสะปะ ลองตั้งระบบไว้ เช่น

  • ระบบรับจองที่ชัดเจน
  • การทำความสะอาดก่อน/หลังเช่า
  • การต้อนรับลูกค้าแบบอบอุ่น (จะส่งข้อความ หรือใช้ผู้ช่วยดูแลหน้างานก็ได้)
    สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยสร้างความประทับใจ และทำให้บ้านของคุณดูมีมาตรฐานมืออาชีพ

สรุป

การจะลงทุนในบ้านพักให้คุ้ม ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วซื้อไปปล่อยเช่าได้เลย แต่ต้องเริ่มจาก “เลือกบ้านให้เหมาะ” เพราะถ้าเลือกถูกจุด ปล่อยเช่าเมื่อไหร่ก็มีแต่คนจอง ไม่ต้องเหนื่อยหาลูกค้าใหม่ทุกเดือนหัวใจสำคัญอยู่ที่ 3 อย่างเลยค่ะ — ทำเลดี, รูปแบบบ้านที่ตอบโจทย์ และ การบริหารจัดการที่ลงตัว เพราะทั้งหมดนี้ส่งผลโดยตรงต่อทั้ง “ความน่าอยู่” ของบ้าน และ “ความง่ายในการดูแล” ของเจ้าของ สุดท้าย บ้านที่เหมาะกับการสร้าง Passive Income จริง ๆ คือบ้านที่ ตอบโจทย์คนเช่า และจัดการง่ายสำหรับเจ้าของ แบบนี้แหละค่ะ ที่เรียกได้ว่า “อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินเข้า” อย่างแท้จริง!

 

 

 

 

สิ่งที่เกี่ยวข้อง

ช่องทางการติดตาม

สารบัญเนื้อหา

บทความล่าสุด

คอมเมนต์

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top